(31 ม.ค.64) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีรายงานว่านายตำรวจยศพ.ต.ท. สังกัด ตชด. ได้มีหนังสือร้องเรียน ลงวันที่ 27 ม.ค. 2564 เวลา 14.00 น. ถึงผบช.ตชด. เรื่อง ขอให้ตรวจสอบพฤติกรรม ของนายตำรวจระดับสูง สังกัด ตชด. นายหนึ่งที่เพิ่งย้ายไปรับตำแหน่งเมื่อเดือน ต.ค. 2563 ที่ผ่านมา
โดยในหนังสือร้องเรียนถึง ผบช.ตชด. ฉบับดังกล่าวระบุว่า “ด้วยกระผมเป็นข้าราชการตำรวจในสังกัด บช.ตชด. มีความอึดอัดในการกระทำของผู้บังคับบัญชา ที่เป็นการกระทำอย่างหวังผลประโยชน์จากผู้ใต้บังคับบัญชา และกล่าวอ้างว่าตนเองสนิทกับข้าราชการตำรวจชั้นผู้ใหญ่และรองนายกรัฐมนตรี กล่าวคือ
มีการเปลี่ยนแปลงธรรมเนียมปฎิบัติของ ตชด. ที่ดีโดยกำหนดให้มีการประชุมบริหารประจำเดือน ของ ตชด. แต่ละครั้งของผู้บังคับกองร้อยทุกนายจำนวน 4 กก. จะต้องนำเงินมามาให้ตนเองกองร้อยละ 10,000 – 15,000 บาท ส่วน ผกก. จะต้องนำเงินมาให้ 30,000 – 50,000 บาท ตามสภาพพื้นที่รับผิดชอบ ซึ่งไม่เคยมีธรรมเนียมปฎิบัติแบบนี้มาก่อน หากหน่วยใดไม่มีเงินมามอบให้ก็จะถูกคาดโทษย้าย
ผมเคยจะเข้าพบเพื่อปรึกษาปัญหาของหน่วยก็ได้รับแจ้งจากตำรวจประจำสำนักงานว่า ท่านไปประชุมการจราจรกับ รองผบ.ตร. ทุกครั้งโดยจะไปอยู่ที่กรุงเทพมหานคร นานทีจึงจะเข้ามาทำงานในพื้นที่และท่านก็ยังเคยพูดว่าสนิทกับ รองผบ.ตร. เป็นอย่างดี แถมยังเป็นเด็กในบ้านของท่านรองนายกฯ
ซึ่งทำให้ผู้ใต้บังคับบัญชา ไม่มีใครกล้าโต้แย้งในพฤติกรรมดังกล่าวได้ และถ้าหากท่านเป็นคนสนิทและเป็นเด็กในบ้านของรองผบ.ตร. และรองนายกฯ จริง ก็ยิ่งจะทำให้ท่านทั้งสองเสื่อมเสียชื่อเสียงและเกียรติยศ
จากการที่ได้พูดคุยกับตำรวจในสังกัดซึ่งทำงานด้วยกันต่างก็บ่นกันเป็นเสียงเดียวกันว่าค่าอาหารกลางวันซึ่งเดิมมีทุกวันก็จะถูกยกเลิก ทำให้เดือดร้อนต้องไปหาอาหารข้างนอกรับประทานเป็นการเสียค่าใช้จ่าย สำหรับการประชุมแต่ละครั้ง อาหารและน้ำเพื่อทานระหว่างประชุมก็ถูกยกเลิกไปด้วย
สำหรับตำรวจประจำสำนักงานของท่านเอง ก็บ่นว่าหากท่านไม่อยู่ก็ไม่มีอาหารกลางวันทานเหมือนกัน โดยจะมีเฉพาะวันที่ท่านอยู่เท่านั้น ตั้งแต่ท่านมาดำรงตำแหน่งหัวหน้าหน่วย ทำให้ผู้ใต้บังคับบัญชาอึดอัด ถูกข่มเหงรังแกและหวังผลประโยชน์มากมาย โดยมักอ้างว่าสนิทกับผู้ใหญ่ในสำนักงานตำรวจแห่งชาติและผู้ใหญ่ในรัฐบาล หากใครไม่สนองนโยบายก็จะย้ายหรือหาทางดุด่ากลั่นแกล้งต่าง ๆ นา ๆ
ผมจึงเรียนมาเพื่อให้ท่านตรวจสอบพฤติกรรมของผู้บังคับบัญชาดังกล่าวซึ่ง สร้างความเสื่อมเสียให้กับหน่วยของกองบัญชาการตำรวจตะเวนชายแดนและเสื่อมเกียรติของผู้บังคับบัญชาและเพื่อให้ดำเนินการทางวินัยและอาญาจึงเรียนมาเพื่อโปรดดำเนินการ”
ต่อมาทางผู้สื่อข่าวได้ติดต่อสอบถามไปยังแหล่งข่าว ระดับ รองผบช.ตชด. และข้าราชตำรวจชั้นสัญญาบัตรในสังกัด กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน หลายนายต่างยืนยันตรงกันว่า ต่างก็ได้ยินเรื่องดังกล่าวมาตรงกัน แต่ไม่ขอให้ข่าวในกรณีดังกล่าว และคิดว่าท่าน ผบช.ตชด. คงได้รับทราบถึงเรื่องนี้แล้ว อาจจะอยู่ในขั้นตอนการตรวจสอบในทางลับอยู่ว่า มีมูลหรือไม่
ซึ่งถ้าหากเป็นจริงตามหนังสือร้องเรียน ถือได้ว่าเป็นเรื่องที่เลวร้ายที่ทำลายชื่อเสียงขององค์กร ตชด. ที่พวกเรารักและภาคภูมิใจ และฝากเรียนถึงผู้บังคับบัญชาระดับ ตร. หรือผู้นำหน่วย ให้รีบสืบสวนข้อเท็จจริงให้ปรากฏแก่สังคม พร้อมให้ความเป็นธรรมกับผู้ร้องเรียน และนำผู้ถูกร้องมาดำเนินการ ตามระเบียบทางปกครอง อย่างเด็ดขาด ต่อไป
แหล่งข่าว https://www.khaosod.co.th/update-news/news_5855483